
เมื่อเร็วๆนี้ได้มีการเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับนักวิจัย สดร. ร่วมทีมนักดาราศาสตร์นานาชาติ เก็บข้อมูลผ่านเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์วิทยุแทรกสอดระยะไกล VERA ของประเทศญี่ปุ่นพบว่าโลกเคลื่อนที่เร็วขึ้น ด้วยอัตรา 7 กิโลเมตรต่อวินาที และเข้าใกล้หลุมดำมวลมหาศาลใจกลางกาแล็กซีทางช้างเผือกมากขึ้น ที่ระยะสั้นกว่าเดิมประมาณ 2,000 ปีแสง แต่อย่างไรก็ตามโลกของเราจะยังไม่ถูกดูดเข้าสู่หลุมดำได้โดยง่าย ซึ่งผลการวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ลงใน Publications of the Astronomical Society of Japan เมื่อสิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ทีมงานวาไรตี้จึงมีเรื่องราวของ หลุมดำ หรือ Black Hole มาให้ผู้อ่านได้รู้จักกัน
หลุมดำ คือสถานที่ในอวกาศซึ่งมีแรงโน้มถ่วงสูงมาก ซึ่งแม้แต่แสงยังไม่สามารถออกไป ซึ่งทำให้ไม่สามารถมองเห็นหลุมดำได้ มีเพียงกล้องโทรทรรศน์ที่มีอุปกรณ์พิเศษที่จะสามารถช่วยค้นหาหลุมดำได้
หลุมดำสามารถมีได้ทั้งขนาดใหญ่หรือเล็ก นักวิทยาศาสตร์คิดว่าหลุมดำที่มีขนาดเล็กที่สุดมีขนาดเล็กเท่าหนึ่งอะตอม หลุมดำเหล่านี้มีขนาดเล็กมากแต่มีมวลเท่าภูเขาที่มีขนาดใหญ่ อีกหนึ่งชนิดของหลุมดำเรียกว่า สเตลลาร์ (stellar) มีมวลเป็น 20 เท่ามากกว่ามวลของดวงอาทิตย์ อาจมีหลาย stellar ในทางช้างเผือก หลุมดำที่ใหญ่ที่สุดเรียกว่า ซูเปอร์แมสซีฟ (supermassive) หลุมดำเหล่านี้มีมวลมากกว่าหนึ่งล้านดวงอาทิตย์รวมกัน นักวิทยาศาสตร์มีหลักฐานว่าทุกๆ ทางช้างเผือกขนาดใหญ่จะมีหลุมดำชนิด supermasive อยู่ตรงกลาง เรียกหลุมดำนี้ว่า ซาจิททาเรียส เอ (Sagittarius A) มีมวลเท่ากับประมาณสี่ล้านดวงอาทิตย์และจะสามารถเข้าไปอยู่ข้างในลูกบอลขนาดใหญ่มากพอดี ซึ่งสามารถบรรจุสองสามล้านโลกเข้าไว้ภายใน
นักวิทยาศาสตร์คิดว่าหลุมดำขนาดเล็กที่สุดเกิดขึ้นเมื่อจักรวาลเริ่มต้น หลุมดำ stellar เกิดขึ้นเมื่อศูนย์กลางของดวงดาวขนาดใหญ่มากพัง ส่วนหลุมดำ supermassive เกิดขึ้นในเวลาเดียวกับทางช้างเผือก