กรมควบคุมโรค แนะช่วงเปิดเรียน ขอให้สถานศึกษาเข้มมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แนะช่วงเปิดเรียน ขอให้สถานศึกษาเข้มมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 เน้นการตรวจคัดกรองก่อนเข้าสถานศึกษาทุกวัน สวมหน้ากาก 100% เว้นระยะห่าง มีจุดล้างมืออย่างเพียงพอ งดการจัดกิจกรรมที่มีการสัมผัสร่วมกัน ทำความสะอาดจุดเสี่ยงที่สัมผัสร่วมกันบ่อยๆ ในสถานศึกษา
วันนี้ (3 กุมภาพันธ์ 2564) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา สถานศึกษาเริ่มเปิดการเรียนการสอนตามปกติ ยกเว้นในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครที่ยังคงเรียนแบบออนไลน์อยู่นั้น เพื่อเป็นการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 ในสถานศึกษา กรมควบคุมโรค จึงขอให้สถานศึกษาที่ได้ทำการเปิดการเรียนการสอน ให้ความรู้ คำแนะนำและการปฏิบัติตัวเพื่อการป้องกันโรคโควิด 19 กับนักเรียน ครู บุคลากรในสถานศึกษา รวมทั้งผู้ปกครอง โดยให้ปฏิบัติอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง
โดยขอให้สถานศึกษาทุกแห่งเคร่งครัดมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันโรคโควิด 19 อย่างเข้มข้น เน้นย้ำให้ทุกคนสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย 100% ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่าง และสถานศึกษาต้องคัดกรองอุณหภูมิ วัดไข้ และอาการทางเดินหายใจของนักเรียน ครูและเจ้าหน้าที่ บริเวณทางเข้าสถานศึกษาทุกวัน มีจุดล้างมืออย่างเพียงพอ หากพบเด็กหรือบุคลากรในสถานศึกษามีอาการป่วยให้หยุดเรียนหรือหยุดทำงานและให้ไปพบแพทย์โดยเร็ว และหากพบ ผู้ที่มีไข้ และอาการทางเดินหายใจจำนวนมากผิดปกติ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในการดูแลการป้องกันควบคุมโรคของสถานศึกษา แจ้งไปยังหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ต่อไป
สำหรับจุดเสี่ยงที่มีโอกาสจะสัมผัสร่วมกันบ่อยๆ ในสถานศึกษา ที่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เช่น ราวบันได โต๊ะอาหาร อุปกรณ์กีฬา ที่จับประตู หน้าต่าง ของเล่น เครื่องช่วยสอน และอุปกรณ์การเรียน เป็นต้น หากมีการสัมผัสจุดเสี่ยงหรือใช้ของร่วมกับผู้อื่น ควรรีบล้างมือด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์โดยเร็ว ทั้งนี้ สถานศึกษาต้องทำความสะอาดจุดเสี่ยงสัมผัสต่างๆและพื้นทุกวัน จัดสภาพแวดล้อมในห้องเรียนให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก สลับการเรียนเพื่อลดความแออัด และงดการจัดกิจกรรมที่มีการสัมผัสร่วมกัน เช่น งานเลี้ยงครูนักเรียน การจัดแข่งขันกีฬาสี การไปทัศนศึกษาดูงานที่ต้องรวมตัวและเคลื่อนย้ายคนจำนวนมาก สอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
ข้อมูลจาก : ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564