วันนี้ (5 กุมภาพันธ์ 2564) กรมสุขภาพจิตแนะนำคนไทยให้ช่วยกันฉีดวัคซีนใจ ด้วยพลังอึด ฮึด สู้ สร้างภูมิคุ้มกันจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด 19 พร้อมย้ำชัดหากมีความรู้สึกกลัว กังวล ตื่นตระหนกจนนำมาสู่ความเครียด สามารถสำรวจจิตใจได้ด้วย MENTAL HEALTH CHECK IN ส่งเสริมให้ประชาชนปรับตัวเผชิญกับสถานการณ์วิกฤตได้อย่างเข้มแข็ง พร้อมทั้งแบ่งปันกำลังใจให้กับตนเองและคนรอบข้าง เพื่อให้สังคมกลับสู่ภาวะปกติได้
แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด 19 ในปัจจุบัน พบว่า ประชาชนมีความเครียดเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงที่มีการะบาดในระยะแรก ทั้งการกลัวติดเชื้อจากการแพร่ระบาด กลัวการใช้ชีวิตประจำวัน การรับรู้ข่าวปลอมจนกลายเป็นความตื่นตระหนก และความเครียดจากผลกระทบด้านเศรษฐกิจทั้งจากการว่างงาน และธุรกิจต้องปิดตัว เป็นต้น กรมสุขภาพจิตได้ทำการเฝ้าระวังในเรื่องของความเครียด การใช้ความรุนแรงทั้งต่อตนเองและผู้อื่น จนถึงการฆ่าตัวตาย มาโดยตลอด ซึ่งพบว่าพลังใจจากตนเองและครอบครัวมีศักยภาพสามารถช่วยให้ผ่านพ้นปัญหาเหล่านั้นไปได้ จึงได้พัฒนาเครื่องมือที่เรียกว่า “วัคซีนใจ” โดยวัคซีนใจมี 3 ระดับ ระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชน โดยวัคซีนในระดับบุคคลที่สามารถทำได้ด้วยตนเองนั้นเรียกว่าพลัง“อึด ฮึด สู้” ซึ่งเริ่มต้นจากการมองด้านบวกที่สร้างสรรค์ มองเห็นทรัพยากรและสัมพันธภาพดีงามรอบ ๆ ตัว ที่จะสร้างโอกาส และทำให้โอกาสในชีวิตปรากฏขึ้น ซึ่ง “อึด” คือ สภาวะจิตใจที่เข้มแข็ง สงบ มั่นคง ทนต่อแรงกดดัน ควบคุมตัวเองได้ และมั่นใจว่า ตนเองต้องเอาชนะปัญหา อุปสรรคและผ่านพ้นวิกฤตได้ และ “ฮึด” คือ การมีกำลังใจ หรือมีแรงใจที่จะดำเนินชีวิตต่อไปภายใต้สถานการณ์ที่กดดัน ซึ่งกำลังใจนี้มีที่มาสำคัญ คือ การสนับสนุนจากคนรอบข้าง และท้ายที่สุด “สู้” ซึ่งหมายถึง ต่อสู้เอาชนะอุปสรรค ปัญหาที่เกิดจากสถานการณ์วิกฤต โดยเฉพาะความสามารถในการแก้ไขปัญหา และมีทักษะในการจัดการกับอารมณ์และความเครียด โดยเรียนรู้จากประสบการณ์ในรอบปีที่ผ่านมาร่วมด้วย
แพทย์หญิงพรรณพิมล กล่าวเพิ่มเติมว่า ความเครียดมักจะทำให้เกิดความคิดที่จมอยู่กับตนเอง หรือที่เรียกว่าความคิดตกร่อง แต่ก็สามารถนำมาปรับเปลี่ยนให้เป็นพลัง สร้างความคิดเชิงบวกเพื่อฉุดตนเองออกจากปัญหา ทั้งจากวิธีการตกผลึกด้วยตนเอง หรือรับฟังจากคนรอบข้าง ในขณะนี้มีประชาชนจำนวนมากที่ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการกักตัวของรัฐ ซึ่งการกักตัวก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความเครียดและความวิตกกังวล ความเครียดเหล่านี้ สามารถแก้ไขได้หากได้มีการพูดคุยกับคนใกล้ชิด หรือในครอบครัว ซึ่งหากประชาชนยังไม่สามารถที่จะปรึกษากับครอบครัวหรือคนรอบข้างได้ กรมสุขภาพจิตได้ทำการพัฒนาเครื่องมือเพื่อสำรวจสุขภาพใจของตนเอง ผ่านทาง MENTAL HEALTH CHECK IN หรือสามารถ โทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 โดยขณะนี้มีการเปิดการให้บริการทางระบบออนไลน์ Facebook 1323 ปรึกษาปัญหาสุขภาพจิต ตลอด 24 ชั่วโมง
สุดท้ายกรมสุขภาพจิตกำลังทำงานเชิงรุกอย่างเข้มข้นมากขึ้น เพื่อให้เกิดความสูญเสียต่อประชาชนน้อยที่สุด ในขณะเดียวกัน ก็อยากให้พี่น้องประชาชนทุกคนสนใจ สำรวจและดูแลสุขภาพจิตของตัวเอง คนรอบข้าง และครอบครัว รับฟังและเข้าใจซึ่งกันและกัน ช่วยกันดึงพลังแฝงที่มีอยู่ในใจทุกคน ให้ “อึด ฮึด สู้” เพราะเราทุกคนจะฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน