“กิจกรรมในโครงการ TO BE NUMBER ONE ช่วยเปลี่ยนระบบความคิดของคน สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญพอคนเปลี่ยนระบบความคิดไปในทางที่ถูกที่ควร ชีวิตก็จะดีไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติด ไม่ทำผิดกฎหมาย พอคิดได้แล้วสังคมจะดีขึ้น” คำพูดของแพท พาวเวอร์แพท” หรือนายวรยศ บุญทองนุ่ม อดีตผู้ต้องขังคดียาเสพติด จากเรือนจำกลางบางขวางที่แสดงถึงความรู้สึกที่มีต่อโครงการ TO BE NUMBER ONE ในฐานะประธานชมรมTO BE NUMBER ONE ของแดน 6 เรือนจำกลางบางขวาง”
“แพท” เล่าถึงที่มาของการเข้าร่วมโครงการ TO BE NUMBER ONE ว่าเนื่องจากมองว่าในเรือนจำน่าจะมีอุปกรณ์หรือสื่อเรียนรู้ในด้านที่ตนเองชื่นชอบ เช่น กีตาร์ สายกีตาร์ ปิ๊กกีตาร์ สี พู่กันวาดรูป ฯลฯ แต่สิ่งของต่างๆเหล่านี้จะนำเข้ามาในเรือนจำยังมีความจำกัดมาก จึงสมัครเป็นสมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE เพราะมองว่าการทำกิจกรรมต่างๆในโครงการน่าจะเป็นช่องทางที่สามารถนำอุปกรณ์ที่ขาดแคลนเข้ามาได้ หลังจากที่ได้เข้าร่วมโครงการและได้รับเลือกให้เป็นประธานชมรม TO BE NUMBER ONE ของแดน 6 จึงได้ร่วมพัฒนาวงดนตรีและการเล่นดนตรีของแดน 6 เรื่อยมา และได้ประสานเพื่อนๆนักดนตรีนำอุปกรณ์ดนตรี เข้ามาบริจาคเพิ่มเติมให้เรือนจำ นอกจากนี้การได้เข้าร่วมโครงการ TO BE NUMBER ONE ยังได้มีการอบรม ในเรื่องที่ควรรู้มากมาย ได้เรียนรู้แนวคิด การทำงานเป็นทีม การใช้คนให้ถูกกับงาน การบริหารจัดการประชาสัมพันธ์ การเห็นคุณค่าของตนเอง
“แพท” เล่าว่าตนเองเป็นประธานชมรม TO BE NUMBER ONE อยู่ 3 ปี ตั้งแต่เริ่มต้นจากที่ไม่มีอะไรเลยและช่วยสร้างกันขึ้นมาจากสมาชิกไม่กี่คนและพัฒนาแตกแขนงไปเป็นกิจกรรมหลายอย่าง ที่โดดเด่นจะเป็นเรื่องของดนตรี มีทั้งดนตรีสากลและดนตรีไทย ซึ่งมีอาจารย์ที่มีความรู้มาช่วยกันสอน และมีการเรียนการสอนให้กับพี่น้องสมาชิกในชมรม ได้มาเปิดโลกความรู้ด้านดนตรีแบบใหม่ๆ ซึ่งบางคนก็ไม่เคยเรียนมาก่อน จนมีผลงานต่างๆด้านดนตรีมากมาย แต่ละปีจะมีการประกวดวงดนตรี ประกวดแต่งเพลงของแต่ละแดน ด้วยเป็นกิจกรรมประจำปี ส่วนตัวเองก็มีผลงานที่สร้างร่วมกันกับเพื่อนๆเป็นโปรเจค Song for friend ที่สร้างขึ้นมาเพื่อต้องการใช้ดนตรีเป็นสื่อถึงเพื่อน เนื้อหาเพลงจะเป็นการให้กำลังใจกัน สะท้อนความรู้สึกของผู้ต้องขัง และเป็นการเรียนรู้การผลิต การโปรดักชั่น ทำเพลง ทำมิวสิควิดีโอ โดยได้คัดเลือกสมาชิกชมรมบางส่วนที่มีความรู้ความสามารถนำมาฝึกฝน ซึ่งตนเองได้รวบรวมความรู้ด้านการแต่งเพลง การทำดนตรี นำมาถ่ายทอดให้เพื่อนพี่น้องสมาชิกชมรม ฝึกฝนให้มีความรู้ และเพิ่มศักยภาพในการทำเพลง ทำมิวสิควิดีโอ เพราะมองว่าดนตรีกับศิลปะสามารถช่วยขัดเกลาจิตใจของคนได้ อย่างเช่นตนเองที่พอได้เริ่มวาดรูปทำให้รู้สึกว่าใจตนเองละเอียดขึ้น มองอะไรได้ชัดเจนขึ้น มีความอ่อนโยนขึ้นเกิดความเมตตามากขึ้นซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เป็น
“แพท” กล่าวย้ำว่าโครงการ TO BE NUMBER ONE จำเป็นมากในเรือนจำ เนื่องจากเรือนจำเป็นสถานที่จำกัด ทำให้ผู้ต้องขังมีความเครียด บางคนโทษสูงต้องอยู่ในเรือนจำนาน ไม่สะดวกสบาย ไม่อบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน ทำให้ผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำอาจจะมีความทุกข์ ความเครียด เนื่องจากโครงการ TO BE NUMBER ONE มีจุดเด่นคือกิจกรรมที่จะช่วยผ่อนคลายความเครียด ได้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ ผู้ต้องขังสามารถเลือกกิจกรรมที่สนใจได้ กิจกรรมจะช่วยส่งเสริมให้ทุกคนเห็นคุณค่าของตนเองไม่โทษตัวเอง ไม่ทำร้ายตัวเอง ไม่จมอยู่กับความทุกข์ กิจกรรมเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยว เป็นสิ่งที่สร้างความหวังในการดำรงชีวิตอยู่ในเรือนจำ ได้อย่างมีคุณภาพและรู้คุณค่าของตนเอง พอได้ทำกิจกรรมก็จะไม่มีเวลาว่างไปทำร้ายใคร หรือไปคิดทำอะไรไม่ดี สิ่งนี้จึงเป็นสิ่ง ที่ช่วยสังคมด้วย หลายคนค้นพบตัวเองจากกิจกรรมของชมรม TO BE NUMBER ONE หลายคนคิดว่าไม่สามารถทำได้ในสิ่งนั้นสิ่งนี้ ก็สามารถทำได้ ได้เจอทางเลือกใหม่ที่ตนเองไม่เคยคาดคิดที่สามารถช่วยดำรงชีวิตต่อไป และอาจนำไปต่อยอดประกอบอาชีพหลังพ้นโทษได้
ทุกคนมีเป้าหมายในชีวิตมากขึ้น มีทางเดินชีวิตที่ชัดเจนมากขึ้นในกิจกรรมที่ตนเองชื่นชอบ เช่น คนที่ชอบศิลปะ ดนตรี จะมีสมาธิมากขึ้น มีจิตใจที่อ่อนโยนมากขึ้น มีความละเอียดอ่อนมากขึ้น มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด ตนเองรู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่ได้เห็นสีหน้าแห่งความสุขเล็กๆของพี่น้องสมาชิกที่เกิดขึ้นเวลาการจัดกิจกรรมต่างๆในสถานที่อันจำกัดของเรา “กิจกรรมในโครงการ TO BE NUMBER ONE ช่วยเปลี่ยนระบบความคิดของคน” สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญพอคนเปลี่ยนระบบความคิดไปในทางที่ถูกที่ควร ชีวิตก็จะดีไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติด ไม่ทำผิดกฎหมาย พอคิดได้แล้วสังคมจะดีขึ้น
“แพท” ยังบอกอีกว่าทุกอย่างมี 2 ด้านเสมอ ทั้งด้านดีและไม่ดี ในเรือนจำไม่ได้มีความสะดวกสบาย ต้องอยู่ในกฎระเบียบวินัย เราไม่สามารถมีความเป็นส่วนตัวได้ ระยะเวลาที่อยู่ยาวนาน ไม่อยากให้เยาวชนไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด อยากให้ห่างไกลจากสิ่งเหล่านี้และอบายมุขต่างๆ เพื่อให้ชีวิตรอดพ้นจากจุดนั้น เพราะถ้าเรา เข้าไปยุ่งเกี่ยวแล้วคนที่ต้องตามมาดูแลเราคือพ่อแม่และครอบครัวของเราซึ่งทุกคนก็จะทุกข์ไปกับเราด้วย
“ ขอขอบคุณทูลกระหม่อมฯที่ทรงมอบโครงการ TO BE NUMBER ONE มาให้กับเรือนจำทั่วประเทศ ผมเชื่อมั่นว่า ผู้ต้องขังหญิงหรือชายทั่วประเทศ ทุกคนมีความสุข มีความหวัง ทุกคนรู้สึกได้ว่าทูลกระหม่อมฯ ทรงช่วยเหลือ ยื่นมือเข้ามา พวกเขาไม่ได้เดียวดาย แต่รู้สึกอบอุ่น และชีวิตมีคุณค่ามากกว่าเดิมมาก เป็นเหมือนแสงสว่างจากปลายอุโมงค์ที่มืดมิด อยากให้มีโครงการดีๆแบบนี้ต่อไปและเชื่อว่าโครงการนี้จะช่วยขัดเกลาและบ่มเพาะจิตใจที่บริสุทธิ์ให้เป็นจิตใจที่มีความหวังเป็นคนดีได้โดยไม่พึ่งยาเสพติด”