นายกรัฐมนตรี ยืดอกรับบกพร่อง ไม่สวมหน้ากากร่วมประชุมจนถูกแจ้งปรับ พร้อมขอให้ทุกคนทำความเข้าใจกฏหมาย ระบุวันนี้ตนใส่แมสก์บนรถมาตลอดทาง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ถูก กทม. แจ้งปรับหลังไม่สวมหน้ากากอนามัยร่วมประชุมเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้เห็นข่าวในโทรทัศน์และในเฟซบุ๊ก ก็ไม่สบายใจ จึงได้ปรึกษาฝ่ายกฏหมายให้มาปรับตนก็ได้ กทม.จึงได้จัดเจ้าหน้าที่ปรับตนก็เท่านั้นเอง ยอมรับว่าตนเองบกพร่อง ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือว่าจบไปแล้ว (อ่านข่าว : นายกฯก็ไม่เว้น!โดนปรับ6พันไม่สวมแมสก์ประชุม)
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดต้องเข้าใจข้อกฏหมายเพราะมีอยู่หลายตัว ทั้งของตำรวจ และพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ รวมถึงอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องในการออกมาตรการต่างๆ
วันนี้ขอยืนยันในหลักการ ทำอย่างไรจะไม่ถูกปรับเมื่อออกนอกเคหะสถาน จะต้องสวมหน้ากากเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ เเม้จะอยู่คนเดียวก็ตาม แม้จะอยู่ในวัดมากกว่า 1 คน ก็ต้องสวมหน้ากาก จัดรายการในสตูดิโอก็ต้องสวมหน้ากากทุกคน
ทั้งนี้ อนุโลมเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบ ซึ่งเหล่านี้ถือคือพื้นฐาน ขอให้ไปทำความเข้าใจกับกฏหมายที่มีอยู่ปัจจุบัน ซึ่งก็มีหลายคนที่ถามว่าขับรถต้องใส่หน้ากากกันหรือไม่ ถ้านั่งกันหลายคนก็ต้องใส่ ตนก็ใส่ในรถมาตลอดทาง เพราะไม่ต้องการแพร่เชื้อให้กับคนอื่น และคนในครอบครัวเหมือนกัน ซึ่งต้องระวังทั้งหมด
“บิ๊กตู่” ย้ำเร่งจัดหาวัคซีนทุกช่องทาง มอบกต.ประสานระดับรัฐบาล ขณะที่ภาคธุรกิจเอกชนประสานบริษัทผู้ผลิต
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ภายหลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ตนได้ไปตรวจเยี่ยม รพ.สนามบางกอกอารีน่า ขอชื่นชมในการจัดระบบรับผู้ป่วยได้ดีมาก ซึ่งย้ำว่า วันนี้แบ่งกลุ่มผู้ป่วยตาม 3 ระดับสี คือ สีเขียวส่ง รพ.สนาม สีเหลืองส่ง Hospitel และสีแดง อาการรุนแรงส่งรพ.เฉพาะทาง ขณะเดียวกันวันนี้จัดเตรียมสถานที่คัดกรองมากขึ้น เพราะไม่อยากให้แน่นแออัดที่โรงพยาบาล นอกจากนี้ เรื่องการฉีดวัคซีนที่ได้รับมาเพิ่มเติมจากการทำงานร่วมกันของกระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาล โดยได้มีการติดต่อกับรัฐบาลและติดต่อซื้อวัคซีนจากบริษัท ซึ่งบริษัทผู้ผลิตวัคซีนก็ต้องขออนุญาตรัฐบาลของแต่ละประเทศเช่นเดียวกันในการนำเข้าและส่งออก เพราะถือเป็นมาตรฐานสำคัญ
ทั้งนี้ ขอบคุณภาคธุรกิจเอกชนและแพทย์ต่างๆ ที่อยากมีส่วนร่วมในการทำงาน โดยมอบหมายกระทรวงสาธารณสุขให้ไปดำเนินการให้ความชัดเจน ย้ำว่า ไม่ปิดกั้นใครแต่ต้องหาช่องทางร่วมกันได้โดยหลักการสำคัญคือรัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบทุกอย่างจากผลข้างเคียงในการฉีดวัคซีน ขณะเดียวกันวันนี้ตนพยายามติดต่อให้กระทรวงการต่างประเทศติดต่อกับรัฐบาล รวมถึงภาคธุรกิจเอกชนก็ให้ติดต่อกับบริษัทผู้ผลิตต่างๆ หากทำได้ก็จะได้วัคซีนเพิ่มมากขึ้นจากที่เราสั่งจองไปแล้ว ซึ่งวันนี้ฉีดไปแล้วมากกว่า 1 ล้านโดส และจะเร่งดำนเนินการต่อไป ให้เร็วที่สุดตามปริมาณวัคซีนที่มีอยู่และหากได้มากขึ้นก็จะมีการกระจายไปยังสถานพยาบาลเอกชนให้ช่วยฉีดด้วย ย้ำว่าตั้งเป้าหาวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดส เพื่อฉีดให้คนไทย 50 ล้านคนภายในปี 64 และขึ้นอยู่กับวัคซีนที่เรากำลังติดต่อเพิ่มเติม ซึ่งรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจและทำเรื่องนี้มาตลอด แต่ปัญหาอยู่ที่บริษัทผู้ผลิตและประเทศหรือรัฐของเขาด้วย
นายกฯ ชี้วัคซีนเป็นสินค้าที่ถูกแย่งกันทุกภูมิภาค เผยติดต่อบางประเทศขอความร่วมมือ ยืนยันทุกคนทำงานเต็มขีดความสามารถ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า วันนี้วัคซีนเป็นสินค้าที่ถูกแย่งกันทุกภูมิภาค แต่วันนี้ก็ได้มีการติดต่อบางประเทศที่มีเหลืออยู่ว่าจะทำอย่างไรจะขอความร่วมมือได้หรือไม่ โดยจะมีการประสานกับรัฐบาลของบริษัทเหล่านี้ด้วย ยืนยันว่า วันนี้ทุกคนทำงานเต็มขีดความสามารถแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ พยาบาลทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า ภาครัฐ เอกชน และ อสม. ที่เสียสละทำงานหนัก เพื่อทุกคนเวลานี้ อีกทั้งตนได้หารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไปแล้ว ให้ติดตามและดำเนินการเรื่องเหล่านี้ให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ ขอขอบคุณองค์กรและมูลนิธิต่างๆ ที่เป็นจิตอาสาและแสดงน้ำใจมาช่วยเหลือ ซึ่งรัฐบาลรับทุกเรื่องมาพิจารณาและขอบคุณในข้อมูลอันเป็นประโยชน์ซึ่งตนนำมาใช้ในการบริหารไปด้วย
“ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่เราจะรวมหัวใจซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกัน ทำในสิ่งที่ทุกคนทำได้หาช่องทางให้ร่วมมือกันให้ได้ ทำอย่างไรไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อตนเองและผู้อื่นนี่แหละน้ำใจของคนไทย ขอให้ช่วยกันเป็นกำลังใจให้บุคลากรด่านหน้าทุกคนและทีมประเทศไทย รวมพลังกันสู้เพื่อผ่านวิกฤตการณ์นี้ไปให้ได้โดยเร็วที่สุด”
นายกฯสั่งการแก้ปัญฆาผู้ป่วยตกค้างนอกโรงพยาบาล พร้อมให้กำลัง “อนุทิน – สาธิต” เป็นด่ากน้าของรัฐบาลทำงานเต็มที่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุถึงยอดผู้เสียชีวิตประจำวันซึ่งสูงถึง 15 คน ซึ่งประชาชนมีความกังวลว่าคนที่ติดเชื้อได้รับการรักษาพยาบาลแล้วหรือไม่ ว่า ตนได้สั่งการให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาคือผู้ป่วยที่ตกค้างอยู่นอกโรงพยาบาลกว่า 1,400 คน ซึ่งได้รับการรักษาในโรงพยาบาลแล้วโดยใช้เวลา 3 วัน ซึ่งเป็นจำนวนที่ตกค้างมาจากช่วงเทศกาลสงกรานต์
นายกรัฐมนตรี ให้กำลังใจนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งถือเป็นด้านหน้าของรัฐบาล และอย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือกับกลุ่มแพทย์ต่างๆ ว่าต้องเข้าใจว่ากำลังบริหารราชการกันอย่างไร ควรส่งเสริมกันมากกว่าที่จะขัดแย้งกัน ตนเคารพทุกคนไม่ว่าจะเป็นแพทย์จากที่ใดก็ตาม ไม่เช่นนั้นจะถูกมองว่าบริหารไม่ได้หรืออย่างไร ตนขอยืนยันว่าตนบริหารได้ทุกอย่าง ตอนนี้กระทรวงสาธารณสุขไม่มีปัญหาทั้งสิ้น
ส่วนการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทยเศรษฐกิจในครัวเรือนอาจมีปัญหาอยู่บ้างแต่เศรษฐกิจในภาพรวมยังมีการขยายตัว และวันนี้ได้รับรายงานว่าสูงสุดในรอบหลายเดือน มีแนวโน้มกำลังซื้อจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นวิกฤตโควิดที่มีโอกาส สินค้าเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะพืชผลทางการเกษตร ซึ่งหลายอย่างมีปัญหาอยู่ทั้งอาหารการกินต่างๆ ก็พยายามพัฒนาศักยภาพให้เต็มที่ ใช้นโยบายของรัฐบาลดำเนินการต่อไปในการติดต่อ กับประเทศต่างๆทั้งทวิภาคีและพหุภาคี
นายกฯ เผย ออกมาตรการป้องกันโควิดเพิ่ม พร้อมหารือครม.มาตรการเศรษฐกิจช่วยเหลือผู้ประกอบการ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. ในวันนี้มีการออกมาตรการการแพร่ระบาดโควิด-19 เพิ่มเติม รวมถึงหารือมาตรการทางเศรษฐกิจที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการ และกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบโดยจะทำทุกอย่างคู่ขนานกันไป ทั้งในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณการดูแลซึ่งต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนส่วนจะมากหรอน้อยอย่างไรก็ตาม ขึ้นงบประมาณที่มีอยู่ และกลุ่มเป้าหมายที่มีผลกระทบ โดย ครม. อนุมัติร่างประกาศขยายเวลาและยกเว้นภาษีขาเข้า สำหรับของที่นำมาใช้ในการรักษาวินิจฉัยหรือป้องกันโรคโควิด -19 ออกไปอีก 1 ปี จนถึง เดือนมีนาคม 2565 ประชาชนได้รับสิทธิประโยชน์ ช่วยรักษาพยาบาลในการติดเชื้อให้ครอบคลุม คจช. ที่เกี่ยวข้อง เช่นการฉีดวัคซีนแล้วเกิดอาการข้างเคียง ยานพาหนะส่งต่อผู้ป่วย รัฐบาลก็นำมาส่งต่อให้ ขอให้ทุกคนได้สบายใจ
ส่วนกรณีการติดเชื้อภายในประเทศอินเดียจะเกิดการกลายพันธุ์ ของเชื้อไวรัสโควิด นั้น นายกรัฐมนตรี ขอให้กำลังใจกับทุกประเทศที่ติดเชื้อเพิ่มขึ้นรายวัน เราต้องให้กำลังใจซึ่งกันและอย่ารังเกียจรังงอนไม่ได้ เพราะทุกคนคืออยู่โลกใบเดียวกัน แต่จะต้องมีมาตรการเฉพาะ และตนก็ยืนยันว่ามีมาตรการรับความเสี่ยงตรงนี้อยู่แล้ว และมีการระงับเป็นการชั่วคราวบ้างมาตรการ แต่ก็จะระมัดระวังอย่างที่สุดการบริหารสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศก็เป็นเรื่องต้องเห็นใจซึ่งกันและกัน ไม่ใช่เห็นเขาป่วยมากๆ แล้วดี ตนไม่เห็นใครป่วย อย่าใช้ความเกลียด ความไม่ชอบเป็นการส่วนตัว ออกมาทำร้ายซึ่งกันและกัน วันนี้ไม่ใช่เวลาใดใด เป็นเวลาแห่งความรักความสามัคคีของคนไทยทั้ง