“โครงการใครติดบุหรี่ยกมือขึ้น” กับกิจกรรมช่วยเลิกบุหรี่ของชมรม TO BE NUMBER ONE บ.บางกอกแล็ปฯ

            “การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจ”  เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของโครงการ TO BE NUMBER ONE ที่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงพระราชทานให้สมาชิกของโครงการเพื่อนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทขององค์กรหรือของหน่วยงาน ผ่านการจัดกิจกรรมเพื่อการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตให้แก่สมาชิกชมรมทุกคนให้ห่างไกลยาเสพติด ดังเช่น “โครงการใครติดบุหรี่ยกมือขึ้น” ของชมรม TO BE NUMBER ONE บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด จ.ราชบุรี ที่ถูกนำมาต่อยอดเป็นนวัตกรรม “Stop Smoking” ซึ่งผลตอบรับพบว่าเกิดประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย พนักงานสามารถเลิกบุหรี่ได้สำเร็จในขณะที่สถานประกอบการได้ปริมาณงานเพิ่มขึ้น

               นางสาวจันทิมา สุรพันธ์ หรือ “ ตั๊ก” ประธานชมรม TO BE NUMBER ONE บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด จ.ราชบุรี  ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของชมรม TO BE NUMBER ONE ของบริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติคฯให้ฟังว่าทางบริษัทของเราได้ก่อตั้งชมรม TO BE NUMBER ONE เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ.2554 โดยมีจังหวัดคอยเข้ามาให้การปรึกษาและสนับสนุนการทำกิจกรรมต่างๆ กิจกรรมเริ่มแรกที่ทำเราจะเจาะจงในเรื่องยาเสพติดก่อน เพราะถือเป็นปฏิปักษ์ร้ายแรงกับธุรกิจของเรา เนื่องจากธุรกิจที่เราทำเกี่ยวกับการผลิตยา โดยเราจะมีระบบคัดกรองพนักงานเพื่อเข้ามาทำงานบริษัทตั้งแต่เริ่มสมัครงาน จึงพูดได้ว่ายาเสพติดในสถานประกอบการของเราเป็นศูนย์ จากนั้นจึงมาต่อด้วยการทำเรื่องบุหรี่ เพราะเกือบครึ่งของพนักงานทั้งหมดเป็นกลุ่มที่สูบบุหรี่โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชาย

           “ ตั๊ก” ให้ข้อมูลว่าจากเมื่อ10ปีก่อน ที่เราไม่เคยมองเรื่องบุหรี่เลย พอเรามีชมรม TO BE NUMBER ONE เข้ามา เราจึงส่งเสริมให้พนักงานทำกิจกรรมกับทางชมรม เพื่อให้มีใจจดจ่ออยู่กับกิจกรรมแทนที่จะหันไปสนใจเรื่องบุหรี่ เราเริ่มด้วยการทำโครงการเกี่ยวกับบุหรี่ภายใต้ชื่อ “โครงการใครติดบุหรี่ยกมือขึ้น” ซึ่งได้พัฒนามาจาก “โครงการใครติดยายกมือขึ้น” และได้ต่อยอดมาเป็นนวัตกรรม Stop smoking โดยเริ่มรับสมัครสมาชิกที่ต้องการเลิกบุหรี่ ตอนแรกคิดว่าพนักงานคงไม่ให้ความร่วมมือ แต่พอเปิดโครงการมีพนักงานให้ความสนใจเกือบร้อยคน ซึ่งเบื้องต้นมีโรงพยาบาลส่งคนมาช่วยอบรมให้ว่าการเลิกบุหรี่ต้องเลิกอย่างไร มีการนำยาและสมุนไพรมาให้ลองใช้ เช่น น้ำยาบ้วนปาก ลูกอม หรือการกดจุด เราทำโครงการนี้จนสำเร็จมีพนักงานสามารถเลิกบุหรี่ไปได้กว่า 10 คน จากนั้นจึงได้จัดต่อเนื่องมาเรื่อยๆส่งผลให้จำนวนผู้ที่สามารถเลิกบุหรี่ได้เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ

            นอกจากนี้ภายในบริษัทฯเรายังมีการจำกัดเรื่องสถานที่อนุญาตให้สูบบุหรี่ซึ่งมีเพียงแค่ 2 จุดเท่านั้น มีการจำกัดเรื่องเวลาที่อนุญาตให้สูบบุหรี่ในโรงงานโดยให้สูบบุหรี่ได้เฉพาะตอนเวลาพักงาน ทำให้พนักงานไม่เสียเวลาในการทำงาน ทั้งพนักงานและสถานประกอบก็ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย พนักงานได้ประโยชน์กับตัวเองสามารถเลิกบุหรี่ได้สำเร็จ ในขณะที่สถานประกอบการได้ปริมาณงานเพิ่มขึ้น

 

           “ ตั๊ก” ยังบอกอีกว่าพนักงานในบริษัทฯของเราทั้งหมดเป็นสมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE การที่ทางชมรมจะนำกิจกรรมอะไรเข้ามาดำเนินงาน เราจะมีการสำรวจความต้องการของสมาชิกก่อนเสมอ และจากการเรียงลำดับคะแนนความต้องการของสมาชิก พบว่ากิจกรรมลำดับแรกที่พนักงานส่วนใหญ่ต้องการ คืออยากให้มีการผ่อนคลายบรรยากาศในการทำงาน และต้องการให้มีความบันเทิงเข้ามาสู่ชีวิตการทำงานบ้าง ทางชมรมของเราจึงตอบสนองความต้องการของสมาชิกด้วยการจัดกิจกรรมด้านบันเทิงเพิ่มเข้ามา เช่น การร้องเพลง ซึ่งผลตอบรับดีมากเกินร้อย เมื่อรู้ว่าพนักงานชื่นชอบกิจกรรมแบบนี้ทางชมรมของเราจึงจัดต่อเนื่องทุกปี

          ส่วนกิจกรรมลำดับที่สองที่พนักงานต้องการก็คือ“การขายของ” เพราะต้องการมีรายได้เสริม เพื่อให้มีรายได้ไปจุนเจือครอบครัว ทางชมรมของเราจึงจัดให้มี “ตลาดถนนคนเดิน” ขึ้นทุกๆ 3 เดือน ซึ่งพบว่ากิจกรรมการขายของช่วยให้พนักงานรู้สึกมีความสุข จากการมีรายได้เพิ่มและการมีอาชีพเสริมของตัวเอง ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราทำสำเร็จภายใต้ชมรม TO BE NUMBER ONE พอพนักงานได้ทำกิจกรรมเหล่านี้ ทำให้ได้คลายเครียด มีความสุขในการทำงาน ส่งผลให้การทำงานดีขึ้นด้วย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *