สคบ. เปิดปฏิบัติการ “ทลายควัน กลางเมือง”

สคบ. เปิดปฏิบัติการ “ทลายควัน กลางเมือง”

นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการ สคบ. สั่งการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษฯสนธิกำลังร่วมกับกรมควบคุมโรค เปิดปฏิบัติการ “ทลายควัน กลางเมือง”กวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้าลักลอบขาย ที่ย่านนวมินทร์ กทม. หลังจากที่มีประชาชนแจ้งเบาะแส พบเห็นเด็กและเยาวชนได้เข้าไปซื้อมาสูบเป็นจำนวนมาก

ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 66 เลขาธิการ สคบ. มอบหมายให้ พันตำรวจเอกประทีป เจริญกัลป์ รองเลขาธิการ สคบ. ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ สคบ. พร้อมด้วย นายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผู้อำนวยการส่วนบังคับคดี ปฏิบัติหน้าที่รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ สคบ. นายฤทธิรอน ทวีทรัพย์ นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการพิเศษ พร้อมเจ้าหน้าที่ สคบ. จำนวน 6 นาย สนธิกำลังร่วมกับกรมควบคุมโรค นำโดย นายแพทย์ชยนันท์ สิทธิบุศย์ ผู้อำนวยการกองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พร้อมเจ้าหน้าที่รวม 7 ราย ลงพื้นที่ตรวจสอบตามที่มีการร้องเรียน เมื่อไปถึงพบร้านที่ 1 ตั้งอยู่บริเวณซอยนวมิทร์ 38/1 ชื่อร้าน vape satiation พบมีการขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า เจ้าหน้าที่ สคบ. จึงได้แสดงตัวพร้อมยึดของกลางบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และเจ้าหน้าที่ สคบ. ได้เข้าตรวจสอบร้านที่ 2 ติดป้ายหน้าร้านชื่อ Vape x 168 บริเวณซอยนวมินทร์ 46/1 ติดถนนรามอินทรา ภายในร้านพบมีบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า หลายยี่ห้อวางขายอยู่ภายในร้าน เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวพร้อมยึดของกลางทั้งหมด และถัดไปร้านที่ 3 ติดป้ายหน้าร้านชื่อ jiffy บริเวณซอยนวมินทร์ 163 กำลังเปิดขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า หลายยี่ห้อเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวพร้อมยึดของกลางทั้งหมด และถัดไปร้านที่ 4 ติดป้ายหน้าร้านชื่อ sun vape บริเวณซอยรามอินทรา 40 พบมีการขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวพร้อมยึดของกลางทั้งหมด โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจค้น มีเยาวชนวนเวียนมาติดต่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้าหลายราย และเมื่อตรวจค้นเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ได้เชิญผู้ขายทั้ง 4 ร้านพร้อมของกลาง ไปสถานีตำรวจนครบาลโคกคราม เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ผลจากการปฏิบัติการครั้งนี้ สามารถดำเนินคดีผู้กระทำความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 29/9 วรรคสอง ประกอบมาตรา 56/4 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยึดของกลางเป็นเครื่อง บุหรี่ไฟฟ้าชนิดสูบแล้วทิ้ง น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า หัวสูบพร้อมน้ำยา จำนวน และอุปกรณ์ทั้งหมด รวมจำนวนทั้งสิ้น 9,400 รายการ รวมมูลค่าของกลางประมาณ 3 ล้านบาท

ทั้งนี้ เลขาธิการ สคบ. กล่าวว่า “ในการปฏิบัติการในครั้งนี้ สคบ. ได้รับการแจ้งเบาะแสจากประชาชนในพื้นที่ ถึงการพบเห็นร้านลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้าหลายชนิดมีการออกแบบผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้ามาหลากหลายรูปแบบ มีลักษณะคล้ายของเล่นและขนม เพื่อดึงดูดเด็กและเยาวชน นอกจากนี้
การลักลอบขายใกล้สถานศึกษา ถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสุขภาพของเด็กและเยาวชนในระยะยาว ซึ่งทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันเพื่อป้องกันรวมทั้งการให้ความรู้พิษภัยของสินค้าอันตรายเหล่านี้ และบุหรี่ไฟฟ้าในปัจจุบันยังคงเป็นสิ่งผิดกฎหมาย จึงขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในท้องที่
ให้ความสำคัญกับการกวดขันกวาดล้างร้านลักลอบขายซึ่งสินค้าเหล่านี้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะร้านที่เปิดอยู่ใกล้เคียงสถานศึกษาและสถานที่ราชการของผู้บังคับใช้กฎหมาย” ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าในการปฏิบัติการครั้งนี้พบว่าส่วนใหญ่มีการจ้างคนมาขายในร้านทั้งสิ้น มีการทำเป็นขบวนการ การรับของ ส่งของ รวมถึงการเปิดบัญชีม้าใช้สำหรับโอนเงินโดยเฉพาะ ก็คงต้องดูว่าจะมีการขยายผลไปถึงตัวการที่แท้จริงหรือไม่
เพื่อเป็นการตัดขบวนการขายสินค้าที่อันตรายรวมถึงการเสริมมาตรการความผิดตามกฎหมายศุลกากรซึ่งเป็นความผิดมูลฐานของกฎหมายฟอกเงินด้วยด้วย

หากผู้ใดพบเห็นการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าหรือน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือพนักงานฝ่ายปกครองในท้องที่นั้น ๆ เพื่อดำเนินคดีได้ หรือแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน สคบ. 1166 หรือเว็บไซต์ www.ocpb.go.th

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *