อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยสายพันธุ์โควิด XFG ระบาดเร็วแต่ไม่รุนแรงย้ำไทยมีระบบเฝ้าระวังเข้มแข็ง ขอประชาชนมั่นใจ

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยสายพันธุ์โควิด XFG ระบาดเร็วแต่ไม่รุนแรง
ย้ำไทยมีระบบเฝ้าระวังเข้มแข็ง ขอประชาชนมั่นใจ


ดร.นพ.สราวุฒิ บุญสุข อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันการเฝ้าระวังโรคโควิด19 ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรณีสายพันธุ์ใหม่ XFG หรือ “Stratus” ที่องค์การอนามัยโลกจัดให้อยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่ต้องจับตา Variant Under Monitoring (VUM) ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2568 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน มีการกลายพันธุ์โปรตีนหนามหลายตำแหน่ง ทำให้แพร่ได้เร็วและอาจหลบภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตามข้อมูลปัจจุบันยืนยันว่า ยังไม่มีหลักฐานว่าทำให้เกิดอาการรุนแรงมากขึ้น
สำหรับประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ XFG ครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน 2568 – 4 ตุลาคม 2568 พบผู้ติดเชื้อสะสม 34 ราย ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ และน้ำมูก
ดร.นพ.สราวุฒิ กล่าวต่ออีกว่า จากการถอดรหัสพันธุกรรมของเชื้อก่อโรคโควิด 19 เพื่อเฝ้าระวังการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 4 ตุลาคม 2568 จำนวน 613 ราย พบสายพันธุ์ NB.1.8.1* ร้อยละ 73.4, สายพันธุ์ XEC* ร้อยละ 8.6, สายพันธุ์ JN.1* ร้อยละ 6.5, สายพันธุ์ XFG* ร้อยละ 5.5, และพบสายพันธุ์อื่นๆ ร้อยละ 5.9
ขณะเดียวกันประเทศไทยได้ถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสโควิด 19 และเผยแพร่ข้อมูลเข้าสู่ฐานข้อมูลสากล GISAID รวมกว่า 48,870 ตัวอย่าง ตั้งแต่เริ่มต้นสถานการณ์ระบาด ซึ่งแสดงถึงศักยภาพและความเข้มแข็งของเครือข่ายห้องปฏิบัติการไทย
“โควิดสายพันธุ์ XFG เป็นตัวอย่างตอกย้ำว่า ประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวังที่เข้มแข็งและต่อเนื่อง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พร้อมทำงานเชิงรุก ไม่เพียงเพื่อควบคุมโรค แต่เพื่อสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพของประชาชนและเสริมเศรษฐกิจสุขภาพของประเทศ” อธิบดีย้ำ
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ขอให้ประชาชนมั่นใจ แม้สายพันธุ์ XFG จะแพร่เร็ว แต่ยังไม่รุนแรง การป้องกันตนเองยังสำคัญ ได้แก่ การสวมหน้ากากในที่แออัด ล้างมือบ่อย ๆ ตรวจ ATK หากมีอาการ เป็นต้น
/// 6 ตุลาคม 2568

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *